Health

  • ตาบอดสี เกิดจากอะไร
    ตาบอดสี เกิดจากอะไร

    ตาบอดสี เกิดจากอะไรและสามารถรักษาให้หายได้ไหม

    ตาบอดสี คืออะไร ?

    โรคตาบอดสี (Color Blindness) เป็นภาวะพร่องการมองเห็นสี ผู้ที่มีอาการตาบอดสีจะมีการมองเห็นสีบางสีได้ไม่ชัดเจนหรือผิดเพี้ยนไปจากผู้มีสายตาปกติ โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่เป็นตาบอดสีจะยังคงมองเห็นภาพได้ชัดเจน แต่เห็นสีต่างๆ ผิดจากคนปกติ​ สีที่คนตาบอดสีเห็นจะกลายเป็นโทนสีเทาทั้งหมด และสีของภาพอาจมีการมองเห็นสลับสีกัน ได้แก่ ระหว่างสีเขียวกับสีน้ำเงิน สีแดงกับสีดำ สีเหลืองกับสีขาว บางรายอาจมีปัญหาเกี่ยวกับความไวต่อแสงของดวงตาอีกด้วย

    ตาบอดสี เกิดจากอะไร?

    สาเหตุของการเกิดโรคตาบอดสีนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เป็นได้ตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นได้ในภายหลัง ดังนี้

    กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุหลักของตาบอดสีได้มากที่สุด หากบุคคลที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นตาบอดสีจะส่งต่อพันธุกรรมไปยังรุ่นต่อไปโดยการถ่ายทอดผ่านยีนด้อยบนโครโมโซมเพศชนิดเอ็กซ์ (Chromosome X) ซึ่งยีนโครโมโซมเพศนี้จะมีหน้าที่ในการกำหนดเพศชายหรือเพศหญิง โดยโครโมโซมเพศชายจะเป็นเอ็กซ์วาย (Chromosome XY) และเพศหญิงเป็นเอ็กซ์เอ็กซ์ (Chromosome XX) เมื่อตาบอดสีเป็นการถ่ายทอดผ่านบนโครโมโซมเอ็กซ์ จึงทำให้สามารถพบตาบอดสีในเพศชายได้มากกว่าเพศหญิงในรุ่นลูก ในขณะที่เพศหญิงอาจเป็นเพียงพาหะที่สามารถถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติไปสู่ลูกหลานได้แทน นอกจากนี้ยังอาจเกิดการถ่ายทอดทางพันธุกรรมข้ามรุ่นได้ เช่น ตาเป็นตาบอดสี มารดาอาจเป็นพาหะ และพบตาบอดสีในหลานชายแทน

    สาเหตุอื่น ในบางราย ตาบอดสีอาจเกิดได้จากสภาวะบางอย่างของร่างกาย เช่น

    • อายุที่เพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ได้ตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น
    • โรคเกี่ยวกับด้านดวงตาหรือการบาดเจ็บบริเวณจอตา เช่น โรคต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม ต้อกระจก หรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตา
    • โรคอื่นๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเบาหวาน หรือโรคพาร์กินสัน
    • ผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด
    • การได้รับสารเคมีบางชนิดเป็นระยะเวลานาน เช่น คาร์บอนไดซัลไฟด์หรือสไตรีน อาจส่งผลต่อการสูญเสียการมองเห็นสี

    อาการของโรคตาบอดสี

    แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้

    1. ระดับน้อย สีภาพที่เห็นอาจไม่เหมือนคนทั่วไป แต่สามารถบอกได้ว่าน่าจะเป็นสีอะไร
    2. ระดับปานกลาง ความสามารถในการแยกสีน้อยลง
    3. ระดับรุนแรง เห็นทุกอย่างเป็นสีขาวกับดำ ซึ่งระดับนี้กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก

    วิธีการทดสอบตาบอดสี

    ผู้ที่ต้องการตรวจว่าเป็นโรคตาบอดสีหรือไม่ ควรเข้ารับการตรวจและปรึกษาจากจักษุแพทย์ ซึ่งวิธีวินิจฉัยโรคตาบอดสีมีอยู่หลายวิธี แตกต่างกันไป ได้แก่ แผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates), แบบทดสอบเคมบริดจ์ (Cambridge color test), การทดสอบด้วยเครื่อง Anomaloscope เป็นต้น

    แผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates) เป็นวิธีการทดสอบที่พบได้มากและได้รับความนิยมมากที่สุด จัดเป็นการตรวจในระดับคัดกรอง (Screening) เพื่อดูว่าผู้เข้ารับการตรวจมีภาวะตาบอดสีหรือไม่ โดยผู้เข้ารับการตรวจจะได้ดูแผ่นภาพหรือแผ่นกระดาษหลายๆ หน้า โดยจุดสีที่ใช้จะเป็นสีที่คนตาบอดสีมักสับสน ถ้าสามารถอ่านและลากเส้นได้ถูกต้องทั้งหมดก็ถือว่าตาปกติ แต่ในคนตาบอดสีแดงซึ่งจะสับสนระหว่างสีแดงและสีน้ำเงินอมเขียว ถ้ามีตัวเลขสีแดงบนพื้นสีน้ำเงินอมเขียวก็จะทำให้มองไม่เห็นตัวเลขบนแผ่นทดสอบที่ซ่อนอยู่

    การวินิจฉัยตาบอดสี

    แพทย์หรือจักษุแพทย์จะวินิจฉัยผู้ป่วยโดยใช้แผ่นภาพทดสอบตาบอดสี เพื่อดูความสามารถในการแยกแยะสี ซึ่งรูปแบบแผ่นภาพที่ใช้ทดสอบมีอยู่หลากหลายประเภท แต่แผ่นทดสอบตาบอดสีที่นิยมใช้จะมีอยู่ 2 แบบ ได้แก่

    • แผ่นภาพอิชิฮะระ (Ishihara) ในแต่ละภาพจะมีจุดสีที่ต่างกัน แพทย์จะให้ผู้ป่วยมองหาตัวเลขบนแผ่นภาพนั้นๆ หากผู้ที่เป็นตาบอดสีจะไม่สามารถบอกตัวเลขจากภาพได้ถูกต้อง วิธีนี้สามารถคัดกรองผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่สามารถบอกได้ถึงระดับความรุนแรงของตาบอดสี
    • การเรียงเฉดสี (Color Arrangement) ผู้ป่วยจะต้องไล่เฉดสีที่กำหนดมาให้ โดยต้องไล่เฉดสีที่คล้ายกันให้อยู่ใกล้กันได้อย่างถูกต้อง หากผู้ป่วยเป็นตาบอดสีจะเกิดความสับสนในการเรียงสีให้ถูกต้อง

    ตาบอดสี

    วิธีการทดสอบตาบอดสีโดยแผ่นทดสอบอิชิฮารา (Ishihara plates)

    IMAGE SOURCE : thechromologist.com

    ตาบอดสีกับผลกระทบในชีวิตประจำวัน

    ในการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยตาบอดสีอาจมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปบ้าง ซึ่งอาจเกิดความยุ่งยากในการตัดสินใจเกี่ยวกับเลือกสีของสิ่งของอยู่บ้าง ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีมีหลายประเภท อาจจะมองไม่เห็นหรือจำแนกสีหนึ่งออกจากอีกสีได้ยาก เช่น สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีเหลือง ทำให้สีที่เห็นผิดเพี้ยนไป หรือในคนที่ตาบอดทุกสีหรือตาบอดสีระดับรุนแรง จะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆ เป็นสีขาวดำ ตาบอดสีส่งผลกระทบอย่างไรในแต่ละอาชีพ?

    • วัยเด็ก – วัยเรียน มีผลกระทบต่อเรื่องของการเรียนศิลปะ การประเมินพัฒนาการด้านภาษา และพัฒนาการในการเรียนรู้
    • งานที่ผู้ทึ่มีภาวะตาบอดสีควรหลีกเลี่ยงได้แก่ งานด้านเคมี จิตรกร นักบิน ช่างอิเทคโทรนิกส์ หรืองานที่ต้องมีการใช้สีเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงสิ่งต่างๆ
    • ผู้ที่มีภาวะตาบอดสีสามารถสอบใบขับขี่ได้ หากสามารถบอกความแตกต่างของสัญญาณไฟจราจรได้อย่างถูกต้อง และผ่านเกณฑ์ประเมินอื่นๆ

    ตาบอดสีรักษาได้ไหม และเกิดภาวะแทรกซ้อนของตาบอดสีหรือไม่

    สำหรับผู้ที่เป็นตาบอดสีโดยกรรมพันธุ์ไม่สามารถรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติได้ โดยหากผู้ป่วยทราบว่าตนเองเป็นตาบอดสีแต่กรรมพันธุ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางป้องกันการเกิดภาวะตาบอดสีในเครือญาติ ในกรณีที่ไม่เป็นตาบอดสีแต่กำเนิด ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุการเกิดตาบอดสี เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

    จักษุแพทย์อาจมีการแนะนำให้ผู้ป่วยตาบอดสี สวมแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ที่มีเลนส์กรองแสงบางสีออกไป ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมองเห็นสีได้ชัดขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นสีได้เหมือนคนปกติ

    ผู้ที่เป็นตาบอดสี สามารถทำเลสิคได้ (LASIK) ได้ เช่นเดียวกันกับผู้ที่มีสภาวะตาปกติทั่วไป แต่การรักษาด้วยวิธีการทำเลสิค เป็นการรักษาอาการสายตาผิดปกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียงเท่านั้น ไม่สามารถช่วยรักษาโรคตาบอดสีได้

    การตรวจิวินิจฉัยโรคตาบอดสี ควรตรวจคัดกรองตาบอดสีตั้งแต่เนิ่นๆ โดยแนะนำที่อายุ 4 บวขครึ่ง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะช็อคเมื่อตนเองตาบอดสี ซึ่งจะทำให้เกิดช้อจำกัดต่างๆ ในการดำเนินชีวิต และการพบว่าเป็นโรคตาบอดสีได้เร็ว จะช่วยในการวางแผนการรักษาและวางแผนการใช้ชีวิตได้ดี

    ภาวะแทรกซ้อนของตาบอดสี

    ตาบอดสีแทบไม่พบภาวะแทรกซ้อน แต่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงร้ายแรง โดยเฉพาะอาชีพในบางลักษณะที่ต้องอาศัยการแยกและจดจำสีในการทำงาน เช่น พนักงานขับรถ นักบิน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ช่างเทคนิคในห้องปฏิบัติการประจำโรงพยาบาลและเภสัชกร หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการในการเรียนรู้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็ก

    3 เคล็ดลับ การสอบใบขับขี่สำหรับคนตาบอดสี

    การสอบใบขับขี่ในประเทศไทยสำหรับคนตาบอดสี นับว่ายังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ บางขนส่งก็อะลุ่มอล่วย บางขนส่งก็เข้มงวด จะดีกว่ามั้ยถ้ามีเคล็ดลับในการพิชิตใบขับขี่ฉบับคนตาบอดสี ทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้เลยถ้าเดินตามแผนนี้

    1.ต้องแยกสัญญาณไฟจราจรได้

    ถือว่าเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการทำใบขับขี่เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าดูไฟจราจรไม่ออกนั่นหมายถึงเรามีความเสี่ยงในการขับขี่ และนำไปสู่อุบัติเหตุในท้องถนนได้ แต่เรื่องที่น่าตลกก็คือ คนตาบอดสีหลายๆ คน สามารถแยกไฟจราจรได้ แต่เมื่อเวลาไปสอบที่ขนส่ง แบบทดสอบปราบเซียนที่จะมาดับฝันเราก็คือ แบบทดสอบ Ishihara ซึ่งเป็นจุดสีหลายๆสีคละกันไป และร้อยเรียงเป็นตัวเลข คนตาบอดสีจะสอบตกกันทุกคน สิ่งสำคัญที่เราต้องทำเมื่อเราเจอแบบทดสอบนี้ก็คือ ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ให้เราสอบแยกสีกับสัญญาณไฟจราจรจำลอง ซึ่งมันจะเหมือนกับเราดูไฟจราจรของจริง ไม่มีเฉดสีอื่นมารบกวน

    2. ต้องสามารถทนต่อการโดนปฏิเสธ

    ต้องยอมรับเลยว่าในสังคมไทยทุกวันนี้ยังเข้าใจผิดเรื่องคนตาบอดสีเป็นจำนวนมาก บางคนเข้าใจว่า คนที่ตาบอดสีจะมองภาพเป็นสีขาวดำแต่จริงๆ แล้ว พวกคนตาบอดสี พวกเค้ายังคงมองเห็นสีอยู่ แต่จะแยกสีลำบากในบางเฉดสี ดังนั้นถ้าเรามีอาการตาบอดสีแล้วไปสอบใบขับขี่ จะต้องโดนปฏิเสธไว้ก่อนเลย ต้องทำใจยอมรับให้ได้ และอธิบายพวกเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่า เราขับรถได้ แยกสัญญาณไฟจราจรได้ แต่ไม่อารมณ์เสียตามพวกเค้าไป มนุษย์เราสิ่งที่น่ากลัวพอๆ กับความตายก็คือการโดนสังคมปฏิเสธ ดังนั้นต้องปลงกับเรื่องนี้ให้ได้ และฝ่าฝันกันต่อไป

    3. สอบไปเรื่อยๆ สักวันต้องเป็นวันของเรา

    “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” คำนี้ยังคงใช้ได้กับทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องนี้ วันนี้สอบตกที่ขนส่งจังหวัดนี้ ครั้งหน้ามาใหม่ หรือเปลี่ยนที่แล้วก็ขอให้พยายามต่อไปอยู่ภายใต้เคล็ดลับเหล่านี้

    ตาบอดสี ยังไม่สามารถป้องกันการเกิดได้อย่างเต็มที่ แต่สามารถเลี่ยงหรือลดโอกาสการเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก โดยควรมีการตรวจคัดกรองตาบอดสีและทดสอบสายตาในเด็กอายุประมาณ 3-5 ขวบ หรือเด็กควรได้รับการตรวจสายตาอย่างน้อย 1 ครั้งก่อนเข้าโรงเรียน แต่หากเป็นบุคคลที่มีคนในครอบครัวเป็นตาบอดสี ควรมีการตรวจเช็คสายตาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ผู้ที่ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับบุคคลที่เป็นตาบอดสี ควรสังเกตความผิดปกติของสายตาตนเองเช่นกัน เนื่องจากตาบอดสีเกิดได้จากสาเหตุอื่น เมื่อสงสัยว่ามีปัญหาทางด้านสายตาหรือการมองเห็นสีที่ผิดปกติไป ควรรีบไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์ เพื่อค้นหาต้นเหตุความผิดปกติและได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี 

    ที่มา

     

    ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  vfdide.com

    สนุนสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • เทคโนโลยี บล็อกเชน คืออะไร
    เทคโนโลยี บล็อกเชน คืออะไร

    เทคโนโลยี บล็อกเชน เป็นกลไกฐานข้อมูลขั้นสูงที่เปิดรับการแบ่งปันข้อมูลที่โปร่งใสภายในเครือข่ายธุรกิจ โดยฐานข้อมูลบล็อกเชนจะจัดเก็บข้อมูลในบล็อกที่เชื่อมโยงกันเป็นลูกโซ่ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะมีความสอดคล้องกันตามลำดับเวลาเนื่องจากคุณไม่สามารถลบหรือแก้ไขลูกโซ่ได้หากไม่ได้รับฉันทามติจากเครือข่าย

    ด้วยเหตุนี้ คุณจึงสามารถใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างบัญชีแยกประเภทที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ได้และไม่เปลี่ยนรูปเพื่อติดตามคำสั่งซื้อ การชำระเงิน บัญชี และธุรกรรมอื่นๆ ระบบดังกล่าวมีกลไกภายในที่ป้องกันการเพิ่มธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตและสร้างมุมมองของธุรกรรมร่วมเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ

    เหตุใด บล็อกเชน จึงมีความสำคัญ

    เทคโนโลยีฐานข้อมูลแบบดั้งเดิมมีอุปสรรคหลายประการสำหรับการบันทึกธุรกรรมทางการเงิน ตัวอย่างเช่น ให้ลองพิจารณาถึงการขายทรัพย์สิน เมื่อแลกเปลี่ยนเงินแล้ว ก็จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินให้แก่ผู้ซื้อ โดยทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างสามารถบันทึกธุรกรรมทางการเงินได้ แต่ไม่มีแหล่งที่มาใดที่เชื่อถือได้ ผู้ขายสามารถอ้างได้อย่างง่ายดายว่าพวกเขายังไม่ได้รับเงินแม้ว่าจะได้รับแล้วก็ตาม และผู้ซื้อสามารถโต้แย้งได้อย่างเท่าเทียมกันว่าพวกเขาได้ชำระเงินไปแล้วแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ชำระเงินก็ตาม

    เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้น บุคคลที่สามที่เชื่อถือได้จึงต้องดูแลและตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม การมีอยู่ของผู้มีอำนาจส่วนกลางนี้ไม่เพียงแต่ทำให้การทำธุรกรรมซับซ้อน แต่ยังสร้างจุดเดียวที่สามารถถูกโจมตีได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งหากฐานข้อมูลส่วนกลางถูกบุกรุก ทั้งสองฝ่ายอาจประสบปัญหาได้

    บล็อกเชนบรรเทาปัญหาดังกล่าวโดยการสร้างระบบแบบกระจายศูนย์และป้องกันการดัดแปลงแก้ไขเพื่อบันทึกธุรกรรม ในสถานการณ์สมมติสำหรับธุรกรรมด้านทรัพย์สิน บล็อกเชนจะสร้างบัญชีแยกประเภทหนึ่งบัญชีสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย ธุรกรรมทั้งหมดต้องได้รับการอนุมัติจากทั้งสองฝ่ายและจะได้รับการอัปเดตโดยอัตโนมัติในบัญชีแยกประเภททั้งคู่แบบเรียลไทม์ ความเสียหายในข้อมูลธุรกรรมในอดีตจะทำให้บัญชีแยกประเภทเสียหายทั้งหมด คุณสมบัติเหล่านี้ของเทคโนโลยีบล็อกเชนได้นำไปสู่การนำไปใช้ในภาคส่วนต่างๆ รวมถึงการสร้างสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin

    อุตสาหกรรมต่างๆ ใช้ บล็อกเชน อย่างไร

    บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ซึ่งอุตสาหกรรมต่างๆ นำมาใช้อย่างสร้างสรรค์ โดยเราจะอธิบายกรณีการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ ในส่วนย่อยดังต่อไปนี้:

    • พลังงาน

    บริษัทพลังงานใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานระหว่างผู้ใช้โดยตรง และปรับปรุงการเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ให้ลองพิจารณาถึงการใช้งานเหล่านี้:

    บริษัทพลังงานที่ใช้บล็อกเชนได้สร้างแพลตฟอร์มการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างบุคคล โดยเจ้าของบ้านที่มีแผงโซลาร์เซลล์ใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อขายพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินให้แก่เพื่อนบ้าน ซึ่งกระบวนการนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติเป็นส่วนใหญ่ โดยมาตรวัดอัจฉริยะจะสร้างธุรกรรม และบล็อกเชนจะบันทึกธุรกรรมดังกล่าว

    ด้วยโครงการริเริ่มการระดมทุนจากกลุ่มบุคคลจำนวนมากบนบล็อกเชน ผู้ใช้จึงสามารถสนับสนุนและเป็นเจ้าของแผงโซลาร์เซลล์ในชุมชนที่ไม่สามารถเข้าถึงพลังงานได้ ทั้งนี้ผู้สนับสนุนยังอาจได้รับค่าเช่าสำหรับชุมชนเหล่านี้เมื่อสร้างแผงโซลาร์เซลล์แล้วอีกด้วย

    • การเงิน

    ระบบการเงินแบบดั้งเดิม เช่น ธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ ใช้บริการบล็อกเชนเพื่อจัดการการชำระเงินออนไลน์ บัญชี และการซื้อขายในตลาด ตัวอย่างเช่น Singapore Exchange Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นด้านการลงทุนที่ให้บริการซื้อขายทางการเงินทั่วเอเชีย ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างบัญชีการชำระเงินระหว่างธนาคารที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการนำบล็อกเชนมาใช้ทำให้พวกเขาแก้ไขอุปสรรคหลายประการ ซึ่งรวมถึงการประมวลผลแบบกลุ่มและการกระทบยอดด้วยตนเองของธุรกรรมทางการเงินหลายพันรายการ

    • สื่อและความบันเทิง

    บริษัทต่างๆ ด้านสื่อและความบันเทิงใช้ระบบบล็อกเชนเพื่อจัดการข้อมูลลิขสิทธิ์ การตรวจสอบลิขสิทธิ์ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับค่าตอบแทนที่ยุติธรรมสำหรับศิลปิน ซึ่งต้องใช้ธุรกรรมหลายรายการในการบันทึกการขายหรือโอนเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์ต่างๆ Sony Music Entertainment Japan ใช้บริการบล็อกเชนเพื่อทำให้การจัดการสิทธิ์ดิจิทัลมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพวกเขาประสบความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์บล็อกเชนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุนในการประมวลผลด้านลิขสิทธิ์

    • การค้าปลีก

    บริษัทค้าปลีกใช้บล็อกเชนเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้าระหว่างซัพพลายเออร์และผู้ซื้อ ตัวอย่างเช่น ฝ่ายธุรกิจค้าปลีกของ Amazon ได้ยื่นสิทธิบัตรสำหรับระบบเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อตรวจสอบว่าสินค้าทั้งหมดที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มนั้นเป็นของแท้ โดยผู้ขายของ Amazon สามารถจับคู่ซัพพลายเชนทั่วโลกได้โดยอนุญาตให้ผู้เข้าร่วม เช่น ผู้ผลิต ผู้ให้บริการจัดส่ง ผู้จัดจำหน่าย ผู้ใช้ปลายทาง และผู้ใช้รองเพิ่มกิจกรรมในบัญชีแยกประเภทหลังจากลงทะเบียนกับผู้ให้บริการออกใบรับรอง

    บล็อกเชน 2

    เทคโนโลยีบล็อกเชนมีคุณสมบัติใดบ้าง

    เทคโนโลยีบล็อกเชนมีคุณสมบัติหลักต่างๆ ดังต่อไปนี้:

    • การกระจายศูนย์

    การกระจายศูนย์ในบล็อกเชนหมายถึงการถ่ายโอนการควบคุมและการตัดสินใจจากเอนทิตีแบบรวมศูนย์ (บุคคล องค์กร หรือกลุ่ม) ไปยังเครือข่ายแบบกระจาย เครือข่ายบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ใช้ความโปร่งใสเพื่อลดความจำเป็นในการได้รับความไว้วางใจจากบรรดาผู้เข้าร่วม เครือข่ายเหล่านี้ยังขัดขวางผู้เข้าร่วมไม่ให้ใช้อำนาจหรือเข้าควบคุมซึ่งกันและกันในลักษณะที่ทำให้ฟังก์ชันการทำงานของเครือข่ายด้อยค่าลงอีกด้วย

    • การไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้

    การไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้หมายถึงบางสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้ โดยผู้เข้าร่วมไม่สามารถดัดแปลงแก้ไขธุรกรรมได้เมื่อมีบุคคลบันทึกลงในบัญชีแยกประเภทที่ใช้ร่วมกันแล้ว หากบันทึกธุรกรรมมีข้อผิดพลาด คุณต้องเพิ่มธุรกรรมใหม่เพื่อย้อนกลับข้อผิดพลาด และเครือข่ายสามารถมองเห็นธุรกรรมทั้งคู่ได้

    • ฉันทามติ

    ระบบบล็อกเชนกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับความยินยอมของผู้เข้าร่วมในการบันทึกธุรกรรม โดยคุณสามารถบันทึกธุรกรรมใหม่ได้ก็ต่อเมื่อผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ในเครือข่ายให้ความยินยอมเท่านั้น

    เทคโนโลยีบล็อกเชนมีองค์ประกอบหลักใดบ้าง

    สถาปัตยกรรมบล็อกเชนมีองค์ประกอบหลักดังต่อไปนี้:

    • การจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์

    การจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์เป็นฐานข้อมูลที่ใช้ร่วมกันในเครือข่ายบล็อกเชนที่จัดเก็บธุรกรรม เช่น ไฟล์ที่ใช้ร่วมกันซึ่งทุกคนในทีมสามารถแก้ไขได้ ในตัวแก้ไขข้อความที่ใช้ร่วมกันส่วนใหญ่ ทุกคนที่มีสิทธิ์แก้ไขสามารถลบไฟล์ทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดว่าบุคคลใดสามารถแก้ไขได้และจะแก้ไขได้อย่างไร โดยคุณไม่สามารถลบรายการได้เมื่อได้รับการบันทึกแล้ว

    • สัญญาอัจฉริยะ

    บริษัทต่างๆ ใช้สัญญาอัจฉริยะเพื่อจัดการสัญญาธุรกิจด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องให้บุคคลที่สามช่วยเหลือ โดยเป็นโปรแกรมที่จัดเก็บไว้ในระบบบล็อกเชนที่ทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะเรียกใช้การตรวจสอบเงื่อนไข if-then เพื่อให้ธุรกรรมเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างมั่นใจ ตัวอย่างเช่น บริษัทโลจิสติกส์อาจมีสัญญาอัจฉริยะที่จะชำระเงินโดยอัตโนมัติเมื่อสินค้ามาถึงท่าเรือ

    • การเข้ารหัสคีย์สาธารณะ

    การเข้ารหัสคีย์สาธารณะเป็นคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเพื่อระบุผู้เข้าร่วมในเครือข่ายบล็อกเชนโดยเฉพาะ โดยกลไกนี้จะสร้างคีย์สองชุดสำหรับสมาชิกเครือข่าย คีย์ชุดหนึ่งคือคีย์สาธารณะที่ทุกคนในเครือข่ายใช้ร่วมกัน และอีกชุดหนึ่งเป็นคีย์ส่วนตัวที่ไม่ซ้ำกันสำหรับสมาชิกทุกคน ทั้งนี้คีย์ส่วนตัวและสาธารณะจะทำงานร่วมกันเพื่อปลดล็อกข้อมูลในบัญชีแยกประเภท

    ตัวอย่างเช่น John และ Jill เป็นสมาชิกสองคนของเครือข่าย John บันทึกธุรกรรมที่เข้ารหัสด้วยคีย์ส่วนตัวของเขา Jill สามารถถอดรหัสได้ด้วยคีย์สาธารณะของเธอ ด้วยวิธีการนี้ Jill จึงมั่นใจได้ว่า John ทำธุรกรรมดังกล่าว คีย์สาธารณะของ Jill จะไม่ทำงานหากคีย์ส่วนตัวของ John ถูกดัดแปลงแก้ไข

    บล็อกเชนทำงานอย่างไร

    แม้ว่ากลไกบล็อกเชนพื้นฐานจะมีความซับซ้อน แต่เราจะให้ภาพรวมโดยย่อในขั้นตอนดังต่อไปนี้ โดยซอฟต์แวร์บล็อกเชนสามารถดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้ได้โดยอัตโนมัติ:

    ขั้นตอนที่ 1 – บันทึกธุรกรรม

    ธุรกรรมในบล็อกเชนจะแสดงการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ที่จับต้องได้หรือดิจิทัลจากฝ่ายหนึ่งไปยังอีกฝ่ายหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชน โดยจะบันทึกเป็นบล็อกข้อมูลและอาจมีรายละเอียดต่างๆ เช่น

    • บุคคลที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกรรม
    • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำธุรกรรม
    • ช่วงเวลาที่มีการทำธุรกรรม
    • สถานที่ที่มีการทำธุรกรรม
    • สาเหตุที่มีการทำธุรกรรม
    • จำนวนสินทรัพย์ที่มีการแลกเปลี่ยน
    • จำนวนเงื่อนไขเบื้องต้นที่บรรลุระหว่างการทำธุรกรรม

    ขั้นตอนที่ 2 – รับฉันทามติ

    ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ในเครือข่ายบล็อกเชนแบบกระจายต้องยอมรับว่าธุรกรรมที่บันทึกไว้นั้นถูกต้อง ซึ่งกฎของข้อตกลงอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของเครือข่าย แต่โดยทั่วไปแล้วจะกำหนดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของเครือข่าย

    ขั้นตอนที่ 3 – เชื่อมโยงบล็อก

    เมื่อผู้เข้าร่วมบรรลุฉันทามติแล้ว ระบบจะเขียนธุรกรรมบนบล็อกเชนเป็นบล็อกที่เปรียบเสมือนหน้าของสมุดบัญชีแยกประเภท นอกจากธุรกรรมแล้ว แฮชที่เข้ารหัสยังได้รับการผนวกเข้ากับบล็อกใหม่ด้วย โดยแฮชทำหน้าที่เป็นห่วงโซ่ที่เชื่อมโยงบล็อกเข้าด้วยกัน หากเนื้อหาของบล็อกถูกแก้ไขโดยเจตนาหรือโดยไม่ได้เจตนา ค่าแฮชจะเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้มีวิธีในการตรวจจับการดัดแปลงแก้ไขข้อมูล

    ดังนั้นบล็อกและห่วงโซ่จึงเชื่อมโยงกันอย่างปลอดภัย และคุณไม่สามารถแก้ไขได้ บล็อกเพิ่มเติมแต่ละบล็อกจะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่การตรวจสอบบล็อกก่อนหน้า รวมถึงบล็อกเชนทั้งหมดด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนการเรียงบล็อกไม้เพื่อต่อเป็นหอคอย โดยคุณสามารถวางบล็อกทับซ้อนกันได้เท่านั้น และหากคุณนำบล็อกออกจากส่วนกลางของหอคอย หอคอยทั้งหมดก็จะพังลงมา

    ขั้นตอนที่ 4 – แบ่งปันบัญชีแยกประเภท

    ระบบจะแจกจ่ายสำเนาล่าสุดของบัญชีแยกประเภทให้แก่ผู้เข้าร่วมทั้งหมด


    ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
    มิลาน สนใจ ลอฟตัส-ชีค เด็กปั้นของ เชลซี
    Emma Raducanu ‘หวัง’ ที่จะเล่นที่ Indian Wells
    คนขี้เซาชอบอาหารขยะ
    ในเกมที่ 5 หยุดการรักษาถ้วยสแตนลีย์ไว้ได้
    ติดตามข่าวอื่นๆได้ที่ https://wardellinger.com/
    สนับสนุนโดย  ufabet369
    ที่มา aws.amazon.com